หน้าที่สำคัญของแคลเซียม
1. เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
ช่วยป้องกันความผิดปกติของกระดูกและฟัน เช่น กระดูกแตกหักง่าย หลังโก่งงอ
กระดูกเรียงรูปผิด หรือฟันหักง่าย
2. ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ช่วยสร้างเนื้อกระดูกให้มีความแข็งแรงมากขึ้น
3. ช่วยให้การเจริญเติบโตในด้านความสูง
และความแข็งแรงของเด็ก
แคลเซียมจำเป็นสำหรับใคร
1. วัยเด็กวัยปีทอง
แคลเซียมมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและความสูง
เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่่งสำหรับเด็กในช่วงวัยปีทอง
ซึ่งเป็นช่วงสะสมมวลกระดูกสำหรับการเจริญเติบโต ความสูง
และเพิ่มมวลกระดูกให้มีปริมาณสูงสุด
2. วัยผู้ใหญ่
หากร่างกายไม่ได้รับแคลเซียมที่เพียงพอ
ร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมที่สะสมอยู่ออกมาใช้ หากไมไ่ด้รับเพียงพอเป็นประจำ
แคลเซียมในกระดูกจะถูกดึงออกมาจนกระทั่งกระดูกพุน
โดยหากเป็นรุนแรงแล้วจึงแสดงอาการออกมา เช่นปวดหลังเรื้อรัง
หลังค่อมจากกายุบของกระดูกสันหลัง หรือกระดูกสะโพกหักทำให้เดินไมไ่ด้เหมือนเดิม
ในผู้หญิงมีโอกาสเกิดโรคนี้ได้มากกว่าผู้ชายประมาณ 4 เท่า
3. คุณแม่ตั้งครรภ์
ที่ทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงขณะตั้งครรภ์นั้นก็จะทำให้ลูกในครรภ์มีกระดูกและฟันที่แข็งแรง
ส่วนมากคุณหมอที่ฝากครรภ์จะแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทานแคลเซียมให้เพียงพอ
เพราะถ้าลูกคลอดออกมาแล้วอาจจะดึงแคลเซียมจากตัวคุณแม่ไปเสริมสร้างส่วนต่างๆของร่างกายด้วย
ในขณะที่ตั้งครรภ์นั้นหากคุณแม่ได้รับไม่เพียงพออาจจะเป็น ตะคริว
หรือภาวะกล้ามเนื้อเกร็งในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้
4. ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน
ในช่วง 5 ปีแรก มวลกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็ว
จึงมีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนได้ง่าย ดังนั้น
คนที่มีการสะสมมวลกระดูกตั้งแต่วัยหนุ่มสาว
เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและวัยชราจะยังมีมวลกระดูกเหลืออยู่มากกว่าคนที่่มีการสะสมกระดูกน้อย
และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนในวัยสูงอายุ
โรคหรือภาวะที่อาจแนะนำ
• ควรแนะนำทุกคนที่ดื่มนมน้อย
• ผู้ที่มีอาการตะคริวบ่อย
เพราะมักเป็นอาการเตือนของการขาดแคลเซียม
• ผู้สูงอายุที่มีกระดูกและข้อเสื่อม
เรื่องน่ารู้ของแคลเซียม
แร่ธาตุ และวิตามินต่างๆ
คำแนะนำเพิ่มเติม
👉รับประทานได้
ในเด็กโต (อายุกมากว่า 9ปี ที่กลืนเม็ดยาได้ ไม่อันตรายจากการติดคอ)
เพราะเข้าสู่วัยรุ่น ความต้องการของแคลเซียมจะเป็น 1200 ม.ก
ต่อวัน
👉สำหรับเด็กเล็ก
อายุ 3-8 ปี แนะนำให้รับประานแคลเซียมชนิดเม็ดเคี้ยว
รับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมหรือหลังอาหารเย็น
แคล-ดี-แมก กระปุก 60แคปซูล ราคา 248 บาท
แคล-ดี-แมก 600 กระปุก 60แคปซูล ราคา 420 บาท
แคลเซียมเสริมสุขภาพ
เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน อีกทั้งป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
·
หน้าที่สำคัญของแคลเซียม
- เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
ช่วยป้องกันความผิดปกติของกระดูกและฟัน เช่น กระดูกหักง่าย หลักโก่งงอ
กระดูกเรียงผิดรูป หรือฟันหักง่าย
- ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ช่วยสร้างเนื้อกระดูกให้มีความหนาแน่นมากขึ้น
- ช่วยให้การเจริญเติบโตในด้านความสูงและความแข็งแรงของเด็กในวัยเจริญเติบโต
·
วิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ
มีคุณประโยชน์ดังนี้ (อ้างอิงที่ 1)
- วิตามิน ดี 3 เสริมประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซียมให้ดีขึ้น
- แมกนีเซียม ในร่างกายส่วนมาก (60-70%) จะพบในกระดูกแมกนีเซียมจำเป็นสำหรับการเติบโตของกระดูก
การส่งสัญญาณทางประสาท และการหดตัวของกล้ามเนื้อ
การได้รับแมกนีเซียมในขนาดที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
- แมงกานีส เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในการพัฒนาของกระดูกตามปกติจำเป็นสำหรับการสร้างเสริมระบบโครงร่างของร่างกาย
- วิตามิน ซี เป็นวิตามินที่มีกลไกในการต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และยังช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง ช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ
และเสริมสร้างเซลล์ให้แข็งแรง
- สังกะสี จำเป็นสำหรับการเติบโต การเจริญของระบบสืบพันธุ์
สำคัญในการสร้างกระดูกตามปกติ และช่วยในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
- ทองแดง มีความสำคัญในระบบโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันร่วมกับวิตามินซีในการสร้างอีลาสติน
จำเป็นสำหรับการเผาผลาญโปรตีน และการสร้างสีของผิวหนังและสีผม
- วิตามิน อี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ป้องกันไม่ให้เซลล์เสื่อมสภาพจำเป็นต่อการเจริญและพัฒนาของเซลล์ประสาท
·
แคลเซียมกับกระดูก
แคลเซียมเป็นธาตุที่มีมากที่สุดของร่างกาย เป็นโครงสร้างหลักของกระดูกและฟัน
ในเด็กแคลเซียมจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและความสูง เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็กในช่วง “วัยปีทอง” (Growth spurt) ซึ่งเป็นช่วงสะสมมวลกระดูกสำหรับการเจริญเติบโต
และเพิ่มมวลกระดูกให้มีปริมาณสูงสุด
สำหรับในผู้ใหญ่ หากร่างกายไม่ได้รับแคลเซียมในปริมาณที่พอเพียง
ร่างกายจะดึงแคลเซียมที่สะสมอยู่ในกระดูกออกมาใช้ และหากไม่ได้รับอย่างพอเพียงเป็นประจำ
แคลเซียมในกระดูกจะถูกดึงออกมามากจนกระทั่งกระดูกพรุน เปราะ
ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลงจึงแตกหักได้ง่าย
แม้ว่าได้รับแรงกระแทกเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาการดังกล่าวคืออาการของ “โรคกระดูกพรุน” (Osteoporosis) โดยหากเป็นรุนแรงแล้วจึงจะแสดงอาการออกมา
เช่น ปวดหลังเรื้อรังหลังค่อมจากการยุบตัวลงของกระดูกสันหลัง
หรือกระดูกสะโพกหักทำให้เดินไม่ได้เหมือนเดิม
ในผู้หญิงมีโอกาสเกิดโรคนี้ได้มากกว่าผู้ชายหลายเท่า (ประมาณ 4 เท่า) และผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนนั้น ในช่วง 5 ปีแรกมวลกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็ว
จึงมีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนได้ง่าย ดังนั้น
คนที่มีการสะสมมวลกระดูกมากตั้งแต่วัยเด็กถึงวัยหนุ่มสาว
เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและวัยชราจะยังมีมวลกระดูกอยู่เหลือมากกว่าคน
ที่มีการสะสมมวลกระดูกน้อย และลดความเสียงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนในวัยสูงอายุ
·
ความต้องการแคลเซียมต่อวัน
สถานการณ์เกี่ยวกับโภชนาการของแคลเซียมในประเทศไทยมีรายงานสำรวจภาวการณ์
บริโภคอาหารของประชาชนไทย พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว
คนไทยรับประทานแคลเซียมจากอาหารประจำวันได้เพียง 301 มก.ต่อวัน
ซึ่งค่อนข้างต่ำ (อ้างอิงที่ 6) ขณะที่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำข้อมูลสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวัน
สำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป (Thai Recommended
Daily Intakes-Thai RDI) (อ้างอิงที่ 7) โดยแนะนำว่า
ปริมาณแคลเซียมที่ควรรับประทานต่อวันอยู่ที่ 800 มก.
หรือเมื่อเทียบกับนมกล่อง(UHT) ซึ่งมีค่าปริมาณแคลเซียมอยู่ที่
122 มก./100 มล. แล้ว (อ้างอิงที่ 8)
เทียบเท่ากับการดื่มนมประมาณวันละ 650 ซีซี
หรือประมาณ 3 กล่อง
อย่างไรก็ตามปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการจะเปลี่ยนแปลงตามช่วงอายุ
โดยมีข้อมูลจากมูลนิธิโรคข้อในพระราชูปถัมภ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี แสดงถึงรายละเอียดความต้องการแคลเซียมต่อวันของบุคคลในช่วงอายุต่างๆ
ดังนี้ (อ้างอิงที่ 9)
วัย
ปริมาณแคลเซียมต่อวัน
เด็กเล็ก
600 มก.
เด็ก
800 มก.
วัยรุ่น
1,200 มก.
ผู้ใหญ่ ( 25-50 ปี )
1,000 มก.
คนแก่
1,000 มก.
สตรีหลังหมดประจำเดือน
1,500-2,000 มก.
แคลเซียมจึงเป็นสารอาหารจำเป็น
ที่คนไทยจำนวนมากขาดแคลนนอกจากการดื่มนมทุกวันแล้ว
อาหารเสริมแคลเซียมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคเช่นกัน
ประโยชน์
👉เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
👉ป้องกันโรคกระดูกพรุน
และความผิดปกติของกระดุก
โรคหรือภาวะที่อาจแนะนำ
👉ควรแนะนำทุกคนที่ดื่มนมน้อย
👉ผู้ที่มีอาการตะคริวบ่อย
และมักเป็นอาการเตือนของการขาดแคลเซียม
👉ผู้สูงอายุที่มีกระดูกและข้อเสื่อม
ข้อห้าม-ข้อควรระวัง
👉ผู้ที่มีประวัติ
หรือเป็นโรคนิ่วในไต หรือทางเดินปัสสาวะ
เพราะอาจะเพิ่มการขับแคลเซียมในปัสสาวะทำให้นิ่วโตเร็วได้ในผู้ที่มีการขับแคลเซียมทางปัสสาวะมากเกินไป
คำแนะนำเพิ่มเติม
👉รับประทานได้
ในเด็กโต (อายุกมากว่า 9ปี ที่กลืนเม็ดยาได้ ไม่อันตรายจากการติดคอ)
เพราะเข้าสู่วัยรุ่น ความต้องการของแคลเซียมจะเป็น 1200 ม.ก
ต่อวัน
👉สำหรับเด็กเล็ก
อายุ 3-8 ปี แนะนำให้รับประานแคลเซียมชนิดเม็ดเคี้ยว
รับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมหรือหลังอาหารเย็น
แคล-ดี-แมก กระปุก 60แคปซูล ราคา 248 บาท
แคล-ดี-แมก 600 กระปุก 60แคปซูล ราคา 420 บาท