ล้ามั้ย จ้องจอมาทั้งวัน..
แสงสีฟ้า อันตรายที่มองไม่เห็น
อย่าลืมเติมสารอาหารดีๆ ให้ดวงตา
ด้วย ลูทีน ซีแซนทีน แอสตาแซนธิน สารสกัดจากบิลเบอร์รี่
ผสานวิตามินเอ และวิตามินอี
ประโยชน์จาก ลูทีน ซีแซนทีน
• ช่วยกรองแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ
ช่วยปกป้องเซลล์จอประสาทตาจากอนุมูลอิสระและแสงฟ้า
• ลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก
และโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
ประโยชน์จากแอสตาแซนธิน
• ช่วยทำให้มองภาพได้ชัดขึ้น
ด้วยกลไกการปรับโฟกัสของเลนส์ตา
• ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ
• ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังดวงตา
ทำให้ดวงตามีสุขภาพที่ดีขึ้น
ประโยชน์จากสารสกัดจากบิลเบอร์รี่
• ช่วยชะลอการขุ่นมัวของเลนส์ตา
• ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงดวงตา
• ช่วยเพิ่มการปรับตัวในการมองเห็นในที่มืด
1 กล่อง 30แคปซูล
ราคา 920 บาท
รับประทานวันะล 1แคปซูล พร้อมอาหาร
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับลูทีน ซีแซนทีน และวิตามิน เอ
ลูทีน
(Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxannthin) เป็นสารธรรมชาติที่มีในพืชผักผลไม้หลายชนิด
เป็นารในตระกูลของสารแคโรทีนอยด์ และพบได้ในบริเวณดวงตาตรงบริเวณเลนส์ตา
และจอรับภาพของตา
ซึ่งในธรรมชาติแล้วแม้ว่าจะมี
แคโรทีนอยด์มากกว่า 600 ชนิด แต่มีเพียงสาร 2 ชนิดนี้เท่านั้นที่พบในจุดรับภาพของจอตา
และสารทั้งสองชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยกรอง
หรือป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา
และช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย โดยการลดอนุมูลอิสระ
ดังนั้นจึงทำหน้าที่บำรุงตา ทำให้จอตาไม่เสื่อมเร็ว พืชผักที่มีสารลูทีนและซีแซนทีนโดยมากมักจะเป็นผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและสี
เขียวเข้ม เช่น ข้าวโพด แครอท ฟักทอง ผักกาด ผักปวยเล้ง คะน้า ผักโขมฯ
การบริโภคพืชผักที่มีลูทีนและซีแซนทีน
หรือแม้แต่อาหารสุขภาพที่มีสารสำคัญนี้จะมีประโยชน์ในโรคหลายชนิดด้วยกัน
ที่สำคัญคือ โรคต้อกระจก และโรคจุดรับภาพเสื่อม
โรคต้อกระจก
โรคต้อกระจก คือ ภาวะที่กระจกตา
หรือเลนส์ตาขุ่น ทำให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปในตาได้ ตามปกติ
ต้อกระจกไม่ใช่โรคติดต่อ ต้อกระจกจะค่อยๆ ขุ่นไปอย่างช้าๆ ใช้เวลาเป็นปีๆ
และสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด
โรคจุดรับภาพเสื่อม
โรคนี้เกิดจากการเสื่อมของจุดรับภาพ
(Macular) วึ่งเป็นกลางจอตา (Retina) ทำให้การมองเห็นภาพเบลอบิดเบี้ยว
บางครั้งอาจรุนแรงขนาดเห็นจุดดำมาบังภาพอยู่ตลอดเวลา
ลูทีนและซีแซนทีนกับโรคต้อกระจก
กลไกของลูทีนและซีแซนทีน
สามารถลด ป้องกัน หรือชะลอการเกิดต้อกระจกได้นั้น
เป็นเพราะลดกลไกการเกิดความเสื่อมของโรคต้อกระจกโดยตรง (อ้างอิงที่ 1) และการที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
(อ้างอิงที่ 2, 3) เพราะอนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดต้อกระจก
(อ้างอิงที่ 4) มีการวิจัยในกลุ่มผู้สูงอายุต่างๆ
พบว่ากลุ่มที่มีระดับของลูทีนและซีแซนทีนในกระแสเลือดสูง
จะมีความขุ่นของเลนส์ตาน้อยกว่า ซึ่งเป็นการวิจัยของจักษุแพทย์ และผู้วิจัยสรุปว่า
ลูทีนและซีแซนทีนน่าจะลดการเกิดความเสื่อมของเลนส์ตาในผู้สูงอายุได้จริง
(อ้างอิงที่ 5) ยังมีการวิจัยว่าการรับประทานลูทีนในปริมาณสูง
เพิ่มความสามารถในการมองเห็นของผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจกไปแล้ว
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยที่มีการออกแบบแผนการวิจัยมาอย่างดี
และทำการทดลองเป็นเวลาถึงสองปี (อ้างอิงที่ 6)
การวิจัยที่ Harvard School of Public Health,
Boston ในผู้ชาย 36,644 คน
ที่ได้รับอาหารเสริมและวิตามินต่างๆ พบว่ากลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมเป็นลูทีนและซีแซนทีน
จะลดความเสื่อมของโรคต้อกระจกถึง 19% (อ้างอิงที่ 7) และที่ University of Massachusetts ทำวิจัยในสุภาพสตรีถึง 50,461 คน พบว่า ลูทีนและซีแซนทีน จะลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจกถึง 22%
(อ้างอิงที่ 8) การวิจัยที่ University
of Wisconsin Madison Medical School ในผู้สูงอายุ 43-48 ปี จำวน 1,354 คน
พบว่าช่วยลดอุบัติการณ์ของต้อกระจกที่เกิดตรงกลางเลนส์ (Nuclear
Cataracts) ได้ถึง 50% (อ้างอิงที่ 9) จากการวิจัยทั้งหมดนี้จึงเป็นที่ยอมรับว่าลูทีนและซีแซนทีนลดอุบัติการณ์โรค
ต้อกระจกในผู้สูงอายุได้จริง
ลูทีนและซีแซนทีนกับโรคจุดรับภาพเสื่อม
นอกจากลูทีนและซีแซนทีนจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกแล้ว
ยังพบว่ามีประโยชน์ต่อโรคจุดรับภาพเสื่อม ซึ่งมีหลายๆ
การศึกษาสนับสนุนข้อมูลดังกล่าว โดยพบว่าถ้าปริมาณลูทีนและซีแซนทีนในลูกตาลดน้อยลง
จะพบความเสื่อมมากขึ้นในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อม (อ้างอิงที่ 10) และความเสี่ยงในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อมจะลดลงหากมีปริมาณลูทีนและซีแซนที
นในเลือดสูงขึ้น (อ้างอิงที่ 11, 12) แสดงให้เห็นว่าการบริโภคอาหารที่มีลูทีนและซีแซนทีนสามารถช่วยลดความเสี่ยง
ในการเกิดโรคได้
วิตามิน เอ
วิตามิน เอ มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ
ที่สำคัญคือ ช่วยในการมองเห็น (อ้างอิงที่ 13) โดนำไปร่วมใช้ในการสร้างสารที่ใช้ในการมองเห็น
หากขาดจะทำให้มองเห็นได้ยากในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่างน้อย
และทำให้เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามิน เอ
อย่างรุนแรงอาจทำให้ตาบอดได้
ประกอบด้วย ลูทีนมากถึง 10 มก. เข้มข้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า
เพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นด้วยแอสตาแซนธิน และสารสกัดจากบิลเบอร์รี่
ผสานวิตามินเอ และวิตามินอี
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล:
·
ลูทีน 5%
200 มก. (ให้ลูทีน 10 มก.)
·
แอสตาแซนธิน 2.5%จากฮีมาโตคอกคัส
พลูวิเอลิสสกัด 80 มก.(ให้แอสตาแซนธิน 2 มก.)
·
ซีแซนทีน 5% 63 มก. (ให้ซีแซนทีน 3.15 มก.)
·
สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ 10 มก.
·
ดีแอล-แอลฟา-โทโคเฟอริล แอซีเทต (50%) 6 มก. (ให้วิตามินอี 3 หน่วยสากล)
·
วิตามิน เอ แอซีเทต
4.098 มก. (ให้วิตามิน เอ 1332 หน่วยสากล)